ยาวหน่อย..แต่อยากให้อ่าน
สืบเนื่องจากเราเคย แชร์ ประสบการณ์ลดต้นขาใน 3 เดือน! เหตุเพราะแฟนจ้างให้ลด ในบล็อกไป
ซึ่งก็ผ่านมาได้ 9 เดือนแล้วจากวันนั้น วันนี้ขอกลับมาแชร์ใหม่ เนื่องจากในช่วงปีนี้ เราไอบ่อยมาก
และมีเสมหะตลอดเวลา ไอจนเจ็บคอ และต้องพกถุงติดตัวตลอดเวลา เพราะต้องคอยคายเสมหะอยู่เรื่อยๆ
ซึ่งเราก็ยังทนอยู่นะ ไม่ได้ไปหาหมอ แต่ซื้อยาอม และเภสัชจัดยาให้กิน แต่ก็ยังไม่หาย
(ตอนนี้ไอน้อยลงแล้ว ไม่มีเสมหะแล้วด้วย ดีใจมาก)
จนครอบครัวทนไม่ไหว บอกว่าไปหาหมอเถอะ จะได้รู้ว่าเป็นอะไร
พอไปหาหมอ เข้าไปในห้อง หมอทักก่อนเลยว่า “ไปทำอะไรมา ทำไมตัวเหลืองซีดแบบนี้?
เหมือนคนไม่มีเลือดเลย” เค้าถามว่า “อดอาหารรึเปล่า?” เราก็บอกว่า “เปล่า” เพราะเราก็กินปกติ
แต่เราไม่กินเนื้อเลย กินแต่ปลาและผัก ผลไม้ พอหมอได้ยินแบบนั้น โดนหมอสวดยาวเลย 5555
แกบอกว่า “ต้องเดินสายกลาง ยิ่งตัวคุณมีเลือดน้อยแบบนี้ สภาพร่างกายจะยิ่งแย่ ตอนนี้คุณรู้ตัวไหม
ว่าคุณเป็นโรควัยทองแล้วนะ ถึงจะอายุเท่านี้ก็เถอะ ซึ่งถ้าเปรียบเม็ดเลือดของคุณ กับรถยนต์
สภาพของคุณเป็นรถยนต์ที่ใกล้หมดอายุเต็มที วิ่งแทบไม่ไหวแล้ว ยิ่งคุณไม่กินเนื้อแบบนี้ ร่างกายจะเอาอะไรไปซ่อมแซม”
เราได้ฟังแบบนั้นถึงกับตกใจมากๆ คือกลัวการทรมานมาก ไม่อยากให้ร่างกายป่วย
เพราะถ้าตายแล้วจบก็ดี แต่ถ้าตายแบบทรมานก็คงแย่
คลิป
(มือเราซ้าย แฟนมือขวา ซีดแค่ไหนถามใจดู ฮือออ)
หมอเอามือหมอ เทียบกับมือเราให้ดู คือต่างกันมาก หมออายุ80ได้นะ แต่มือแกแดงมาก เลือดสูบฉีดดี
ดูแข็งแรง เทียบกับเราที่อายุ 26 แต่มือเหลืองซีดมากก เชื่อไหมว่าหมอเคยทักเราเมื่อตอนอายุ
14 ว่าเราเป็นคนเลือดจาง ถ้าเทียบกับคนปกติที่เค้าแบกข้าวได้ 10 กระสอบ แต่ร่างกายเรา
แบกข้าวได้แค่ 2 กระสอบ เพราะเลือดน้อยมาก หมอให้เราออกกำลังกายตั้งแต่นั้นมา
เพราะเมื่อก่อนเด็กๆ เราไม่ชอบกินข้าว อดอาหาร และไม่ชอบออกกำลังกาย
ซึ่งวันนี้กลับไปหาแก ก็ไม่คิดว่าจะโดนทักอีก เพราะเราคิดว่ามือเรา ไม่ซีดแบบแต่ก่อนแล้ว
แต่ก็ยังไม่วาย โดนทักเหมือนเดิม ทีนี้ก็เชื่อละ ว่าหากเราได้รับการกินที่ดีตั้งแต่เด็ก
จะเป็นผลดีในอนาคตของเราไปจนแก่ ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่ายังไม่สาย ถ้าทุกคนจะหันมาดูแลตัวเอง
แบบจริงจัง รู้จักเลือกกินอาหารที่ดี มีประโยชน์กับร่างกาย และไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องอดอาหาร
หรืองดเนื้อสัตว์ แค่คุณเลือกินอาหารที่ดี และพอดีกับร่างกายก็พอ
คือร่ายประวัติตัวเองมายาวมากๆ งั้นขอเข้าเรื่องเลยละกัน
เราคิดว่าทุกคนก็รู้นะ ว่าการที่จะทำให้ตัวเองร่างกายแข็งแรงขึ้น มีรูปร่างที่ดีขึ้น ควรทำยังไง
แต่ติดอยู่ที่ใจยังไม่แข็งพอ ทำๆ เลิกๆ อยู่แบบนั้น ซึ่งตัวเราก็เคยเป็น แต่หลังจากที่ไป
หาหมอมา และทำให้เรากลัวที่จะต้องตายแบบทรมาน เลยเกิดแรงฮึดสู้อีกครั้ง
เพราะอยากมีสุขภาพร่างกายที่ดี ไม่ป่วย และผลพลอยได้ที่ตามมา คือหุ่นที่ดีขึ้น
อ่ะ เอารูปมาให้ดูกันก่อน ว่ารูปร่างเราเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง
น้ำหนักปัจจุบัน 52-53 ก่อนหน้านี้หนัก 56
รูปสีไม่เท่ากัน เพราะถ่ายคนละเวลา และกล้องคนละตัว
อย่าสนใจรอยขาเรานะ ชอบเกาขาตัวเอง เวลาโดนยุงกัด ฮ่าๆ
ท้องเราไม่ค่อยมีปัญหาไขมันส่วนเกินเท่าไร แต่ขาจะชัดเจนมาก
(เราเคยผ่าตัดใส้ติ่งมา ทำให้มีรอยแผลเป็นที่ท้อง)
หลังจากนี้เราจะมาเล่าว่าในช่วง 3 เดือนนั้น เราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเองยังไงบ้าง
1.การพักผ่อน
สำคัญมากกกก เราเคยนอนทีตี 3 บางทีก็เกือบเช้า ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ติดนิสัยเรามานานมาก
เราเริ่มค่อยๆปรับตัวเอง นอนให้ไวขึ้น แรกๆจะยากหน่อย แต่ช่วงนี้ 4 ทุ่มกว่าๆก็หลับแล้ว
เคยได้ยินกันใช่ไหม ว่าเราควรจะนอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม ไปจนถึงก่อนเที่ยงคืน ซึ่่งเป็นนาทีทอง
เพราะสมองจะแจกงานให้อวัยวะต่าง ๆ แม้แต่เวลานอนร่างกายของเราก็ยังทำงาน
ซึ่งประโยชน์ของการนอนไว ก็คือทำให้ร่างกายของเราไม่แก่ไว ,สร้างเคมีสุข,สร้างเคมีหนุ่มสาว,
ความจำดีขึ้น,คุมความดันโลหิต,ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนสึกหรอ,ลดความเสี่ยงโรคอ้วน,
มีความสุข,ได้ล้างพิษ ,ไม่เสี่ยงโรคกำเริบ ,ไม่ทำให้เป็นสิวด้วย ได้ยินแบบนี้ อยากนอนไวกันเลยใช่มะ
แต่ถ้าใครที่หลับยากจริงๆ เรามีอีกวิธีคือการนวดออยล์ที่มีกลิ่น ลาเวนเดอร์ กลิ่นลาเวนเดอร์
เป็นกลิ่นที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เวลาที่ได้นวด และสัมผัสกลิ่น โดยส่วนตัวเราชอบนวดอยู่แล้ว
เพราะนอกจากจะทำให้ผิวชุ่มชื่นแล้ว ยังช่วยให้หลับง่าย หลับสนิทได้ด้วย
2.การขับถ่าย
ทุกคนเคยได้ยิน เกี่ยวกับ “อุจจาระตกค้าง ” กันบ้างไหม ซึ่งสาเหตุหลักๆก็มาจาก
1.ไม่ถ่ายอุจจาระเวลา 05.00-07.00 เช้า
2.กินอาหารที่มีกากใยน้อย
3.เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
4.ระบบดูดซึมเสีย
5. มีพยาธิ หรือ เชื้อรา ทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ
เมื่อก่อนเรามีปัญหากับกระเพาะบ่อยมาก ปวดท้องบ่อย ท้องผูกง่าย ท้องเสียก็ง่ายอีก
ต้องกินยาแก้ปวดกระเพาะบ่อยเหมือนกัน แต่ทุกวันนี้ไม่มีอาการแบบนี้แล้ว
เบื้องต้นเราปรับพฤติกรรมตัวเองนี่แหละ แรกๆอาจจะยากหน่อย แต่ต้องพยายามปรับ
และร่างกายจะปรับให้เราเอง ถ้าเราทำแบบนี้เป็นประจำ แนะนำว่าอย่าฝืนนะ เวลาเข้าห้องน้ำ
อย่าเบ่ง อย่ากดดันตัวเอง ปล่อยใจให้สบาย เราสังเกต ถ้าเราเครียด จะถ่ายไม่ออกเลย
แต่ถ้านั่งแบบใจเย็น ร่างกายจะผ่อนคลาย และถ่ายง่ายมาก ลองดูๆ
แต่ถ้าหากเพื่อนๆลองทำแบบในเบื้องต้นแล้วยังขับถ่ายยากอยู่
เราแนะนำให้ทานอาหารเสริมควบคู่ด้วย อาหารเสริมที่เราทานอยู่คือ Fiberlax
ซึ่งเรากินควบคู่กับการกินผัก ผลไม้สดไปด้วย ทานแล้วจะช่วยให้การขับถ่ายคล่องมากยิ่งขึ้น
และผิวพรรณสดใสขึ้นด้วยนะ
เกริ่นก่อนว่า..เรารู้จัก Fiberlax จากการได้ไปงาน verena เมื่อปีที่แล้ว
และทางแบรนด์ก็ได้ส่งมาให้ลองทาน 6 กล่อง ตอนแรกก็ไม่ได้หวังว่าจะเห็นผลอะไรมากหรอก
ช่วงแรกๆก็ทานบ้าง ไม่ทานบ้าง แต่เพราะเห็นกระแสในเน็ตเยอะมาก
ว่าทานแล้วช่วยให้ขับถ่ายดีขึ้น หลังจากนั้นก็เริ่มทานอย่างต่อเนื่องมาเรื่อยๆ
ไหนๆก็พูดถึง Fiberlax แล้ว ขอพูดถึงประโยชน์ของอาหารเสริมตัวนี้เพิ่มเติมหน่อย
เนื่องจากเราก็ทานติดต่อมาหลายเดือน ถือโอกาสรีวิวไปด้วยเลย น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆได้บ้าง
Fiberlax ไฟเบอร์แลกซ์ เป็นเครื่องดื่มสกัดจากใยอาหารและไฟเบอร์จากธรรมชาติ
ประกอบด้วยใยอาหารจากธรรมชาติ 4 ชนิด ได้แก่ ไซเลียม ฮักส์, ฟลุคโตโอลิโกแชคคาไรด์,
สารสกัดจากเมล็ดต้นกัวร์, และผงบุก พร้อมทั้งอุดมไปด้วยวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย 8 ชนิด
คือ วิตามินรวม (C,E, A ,B2 ,B3 ,B5 ,B12, B7/H) ,
ผักและผลไม้รวม (แอปเปิ้ล,สับปะรด,แครอท,ส้ม และมะเขือเทศ) ,
สารสกัดจากมะขามป้อม (มีวิตามิน C สูงมาก) ,
สารสกัดจากทับทิม (มีสาร anti-oxidant)
ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน,
ช่วยลดการสะสมของไขมันและแป้ง ,ช่วยปรับปรุงให้การทำงานของระบบขับถ่ายดีขึ้น ,
ผลักดันลำเลียงไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย , ดีท๊อกซ์ของเสีย
สารพิษและไขมันตกค้างออกจากลำไส้ รูปร่างของเราก็จะดีขึ้นด้วย
ซึ่งทางแบรนด์ก็เคลมว่า
-Fiberlax 1 ซอง = ผัก 2 กิโลกรัม
-รสชาติอร่อยทานง่าย ดื่มได้ทุกวัน
-Fiberlax ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ลดอาการท้องผูก
-ลดพุง ลดไขมัน ลดโรค พุงยุบ
-ช่วยลดคอเลสเตอรอลและไขมันส่วนเกินและน้ำตาลในเลือด
-ล้างสารพิษในลำไส้ ป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้
-ผิวพรรณสดใส เพราะการขับถ่ายดีขึ้น
-ปลอดภัยแน่นอน ได้รับการรับรองจาก อย. GMP, Thailand Trust Mark
ทุกคนอาจสงสัยว่า กินทุกวันมันจะอันตรายไหม?
หลังจากที่ลองหาข้อมูลมาพอสมควร และสอบถามไปทางแบรนด์เองด้วย
เลยได้คำตอบว่า “สามารถทานได้ทุกวัน ไม่ต้องกังวล เพราะ Fiberlax ไม่ได้ผสมยาถ่าย”
เค้าไม่ได้ไปเร่งให้ลำไส้บีบตัว จนปวดท้องบิดๆ เหมือนที่ยาถ่ายปกติทำ
เค้าเป็นไฟเบอร์ จำนวนที่มากเพียงพอต่อร่างกาย เพื่อทำให้เราขับถ่ายง่ายขึ้นเท่านั้นเอง
ความรู้สึกหลังจากที่เราได้ทาน Fiberlax ควบคู่ไปกับการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
ตัวนี้สามารถชงดื่มได้ในน้ำปกติ หรือน้ำเย็น ทิ้งไว้สักพัก
เค้าจะมีความเป็นวุ้นๆ หน่อยๆ ทานแล้วก็จะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องไปในตัว
ใครขับถ่ายยาก ก็ทานได้วันละ 1-2 ซอง
ในช่วง 3 วันแรก จะยังไม่เห็นผลอะไร แต่พอทานจนครบ 1 เดือน สังเกตตัวเองว่า
ช่วงนี้ขับถ่ายคล่องมาก ขับถ่ายเป็นเวลา และเวลาถ่ายจะไม่ปวดท้องแบบทรมานเหมือนเมื่อก่อน
อุจจะระไม่แข็งด้วย (อี๋ง่ายนั่นเอง) ทำให้รู้ว่า Fiberlax เค้าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาวนั่นเอง
บางคนอาจจะคิดว่า ทำไมทานไปวันแรก ไม่เห็นจะถ่ายคล่องเลย
อยากให้ลองทานติดต่อกันสัก 1 เดือน แล้วจะเห็นความเปลี่ยนแปลงแน่นอน
และเราว่าอาหารเสริมอันนี้เหมาะกับคนที่ไม่ชอบทานผัก-ผลไม้ด้วย
เพราะรสชาติเค้าทานง่าย และขอเอ่ยปากชมเลยว่า ทำรสชาตได้อร่อยมากก
Fiberlax หาซื้อได้ที่ ร้าน EVEANDBOY, Watsons, Boots, 7-Catalog หรือ verenaofficial.com
3.การดื่มน้ำ
ทุกคนคงจะรู้อยู่แล้วว่า น้ำ เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ และมีประโยชน์มากมาย
โชคดีที่เราเป็นคนชอบดื่มน้ำอยู่แล้ว วันนึงดื่มทีเกือบ 2 ลิตร และนี่คืออีก 1 เคล็ดลับที่ทำให้
ผิวหน้าเราไม่มีสิว และช่วยให้การขับถ่ายเราดีขึ้นอีกด้วย
ประโยชน์หลักๆที่เรานึกได้ก็คือ
-ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น การดื่มน้ำจะช่วยละลายไขมันในร่างกาย
และช่วยให้ไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้นั้นทำงานได้เต็มที่ ส่งผลให้อาการท้องผูกลดลง
ถ้าหากคุณดื่มน้ำน้อยเกินไป จะทำให้ร่างกายต้องนำน้ำไปใช้ในส่วนอื่น จนทำให้ขับถ่ายได้ยาก
เป็นที่มาของอาการท้องผูก
-ช่วยลดน้ำหนักให้ได้ผลดียิ่งขึ้น การดื่มน้ำก่อนทานอาหาร
จะช่วยทำให้คุณรู้สึกอิ่มท้อง และทานอาหารได้น้อยลง
และยังช่วยเพิ่มการทำงานของระบบการเผาผลาญให้ดีขึ้นด้วย
-บำรุงผิวพรรณ ผิวพรรณที่ชุ่มชื้น จะทำให้ผิวดูมีน้ำมีนวล
ผิวสวย และลดการเป็นสิวได้ เพราะน้ำ จะช่วยขับเอาสารพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกาย
ทำให้ผิวพรรณดีขึ้น แถมยังช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย
-ขจัดสารพิษในร่างกาย การดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกมาได้ดีขึ้น
ช่วยลดความเสี่ยง ต่อการเกิดการติดเชื้อในท่อปัสสาวะและนิ่วในไต
เมื่อก่อนเราปวดปัสวะอักเสบบ่อยมาก เพราะชอบอั้นฉี่ด้วย
ตอนนี้ไม่มีอาการนี้แล้ว ใครเป็นอยู่อยากให้รีบปรึกษาแพทย์นะ
จริงๆประโยชน์ของน้ำมีอีกมากมาย ถ้าเอามาพูดทั้งหมดเกรงจะยาวเกินไป
สรุปง่ายๆก็คือ อยากให้ทุกคนหันมาดื่มน้ำกันเยอะๆ ให้เพียงพอต่อร่างกายใน 1 วัน
อาจจะฝืนใจหน่อย เพราะบางคนก็ไม่ชิน ไม่ชอบดื่มน้ำ จะให้มาหักดิบเลยก็คงไม่ได้
เอาเป็นว่าค่อยๆปรับไปนะ
4.การทานอาหาร
หลังจากที่ไปหาหมอมา หลังจากนั้นเรากลับมาทานเนื้อมากขึ้น
จากปกติทานแต่เนื้อปลา และผักผลไม้ ตอนนี้เราทานทุกอย่าง ไม่อด และไม่บังคับใจตัวเอง
ว่าต้องทานแบบนั้น แบบนี้ มันกดดันตัวเองเกินไป (เพราะเราเป็นคนชอบทานมาก มีความสุขที่ได้ทาน 5555)
เราเน้นเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทานให้ครบ 5 หมู่ ขอแค่ไม่ต้องเป็นของทอด ของมันก็พอละ
โดยในมื้ออาหาร ก็จะมีพวก ตับที่เราเน้นๆหน่อย เพราะเลือดเราน้อย ต้องเน้นพวกธาตุเหล็ก ,
กลาโน่ล่า เราชอบทานช่วงเช้า กินแล้วอิ่มดี ไม่อ้วนด้วย ,เมล็ดเจีย
เราชงกินกับน้ำ บางทีก็ผสมกับนม และโยเกิร์ต ขนมเรามีทานบ้างนะ แต่จะเลือกหน่อย
จะชอบทานพวกเมล็ดทานตะวัน ,ธัญญาพืชต่างๆ เบนโตะนี่เราก็ชอบมาก
สรุปง่ายๆคือ คุณทานไปเถอะ ถ้าคุณชอบและเห็นว่ามันมีประโยชน์ อย่ากดดันตัวเอง
ว่า อุ้ย..อันนี้ทานไม่ได้ อันนั้นทานไม่ได้ สักวันได้ตบะแตกกันพอดี
ทานแบบพอดี เดินสายกลางดีที่สุดละ
ไหนๆก็ชอบทานแล้ว ก็เลือกนิดนึง ร่างกายจะได้รับประโยชน์สูงสุดนะ
5.การออกกำลังกาย
เราว่าการออกกำลังกาย มีผลกับเรามากเหมือนกัน แต่ถ้าคุณยังทานอาหารแบบเยอะเกินร่างกายต้องการ
ทานแบบไม่เลือก ออกกำลังกายยังไง ร่างกายคุณก็ยังอ้วนนะ เพราะฉะนั้น อยากหุ่นดี
(เลือกทานอาหารที่ดีมีประโยชน์+ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย)
เราจะออกกำลังกายทุกเช้า แต่จะทานข้าวก่อน ละพักไว้ 1.30 ชม. หลังจากนั้นค่อยออก
ให้ร่างกายได้รับสารอาหารก่อน จะได้มีกำลังในการออกกำลังกาย
เราออกวันละ 1 ชม. โดยเน้นการคาดิโอ้ ขา และหน้าท้อง เรามีปัญหาต้นขาใหญ่มาก
ส่วนเกินที่ต้นขาเยอะสุด เลยเน้นขาเป็นพิเศษ และนี่คือคลิปที่เราออกบ่อยที่สุด
เริ่มจากยืดเส้นกันก่อน
ต่อด้วยอันนี้ เต้นๆละได้เหงื่อดีมาก ทำตามได้ไม่ยาก เหมาะกับมือใหม่
บางทีก็สลับกับอันนี้ เบินแคลลอรี่ดีมาก เหงื่อออก เลือดสูบฉีดก่อนออกขา
ต่อมาลดขา เป็นคลิปลดขาที่ได้ผลดีมากก แบบเห็นได้ชัด คือทำไปเรื่อยๆจะรู้สึกว่า
ขากระชับขึ้นมาก(วันไหนขี้เกียจหน่อยเราจะออกแค่คลิปนี้ เพราะแค่คลิปนี้ก็เหงื่อท่วมละ)
คลิปนี้ก็ช่วยลดขาเหมือนกัน เป็นคลิปแรกๆที่เราชอบมาก ทุกวันนี้ยังทำอยู่ ได้เหงื่อดี
พอออกขาเสร็จก็จะมาบริหารขาด้านใน เป็นท่าง่ายๆ ไม่เหนื่อยมาก มือใหม่ทำได้
บางทีก็สลับทำกับอันนี้ ช่วยลดต้นขาด้านในเหมือนกัน แต่จะเหนื่อยหน่อย
6.ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
เราตั้งเป้าหมายชัดเจน และเราหั่นเป้าหมายเป็นขั้น เล็กๆ เพราะไม่อยากท้อซะก่อน
สำหรับเรา เป้าหมายสูงสุด คือขอให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่การที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงนั้น
มันต้องอาศัยพฤติกรรมของเรา ที่ทำติดต่อกันในระยะยาว และต่อเนื่อง
ช่วงแรกๆ เราก็ออกกำลังกายแบบ วันละ 15 นาทีก่อน เอาที่ตัวเองไหว
และพอร่างกายเริ่มปรับตัวได้ รู้สึกว่าสนุกกับสิ่งที่ทำอยู่ เราก็จะค่อยๆขยับมาออกกำลังกาย
วันละ 30 นาที จนถึงทุกวันนี้ เราออกกำลังกาย วันละ 1 ชม.ได้แล้ว
7.ทำจิตใจให้สบาย
จิตใจที่สบาย ไม่เครียด จะทำให้คุณลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น อย่ากดดันตัวเอง ผ่อนคลาย
ให้คิดว่าสิ่งที่คุณทำอยู่นั้น ไม่ว่าจะเรื่องการลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย ,
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ พยายามคิดว่าเป็นส่วนนึงในชีวิตของเรา
อย่าไปเครียด และกดดันตัวเองเกินไป ปล่อยใจให้สบายๆ
เรื่อยๆ ชิวๆแบบเรา ค่อยๆทำวันละนิด ต่อไปจะชินเอง
ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ที่เราทำมาในช่วง 3 เดือน และจะทำตลอดไป
แค่อยากให้ทุกคนเห็นแล้วเกิดแรงบันดาลใจ ว่าการออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก มันไม่ได้ยาก
3 เดือนที่เราออกมา บอกเลยว่าชิวมากก ไม่ได้กดดันตัวเอง ว่าชั้นต้องลดให้ได้มากๆภายใน 3 เดือน
แต่มันคือการกำหนดเป้าหมายไปทีละขั้นตอน สำหรับเรา 3 เดือนได้ขนาดนี้
ถือว่าประสบความสำเร็จไปอีกขั้นของเรา เราก็หวังว่าจะช่วยให้ทุกคน หันมาใส่ใจดูแลตัวเองกันมากขึ้น
ค่อยๆกำหนดเป้าหมายให้ตัวเองทีละเล็ก ละน้อย จะได้ไม่เหนื่อย ไม่หักโหม ไม่ท้อไปซะก่อน
ก็ขอให้ทุกคนโชคดี และขอบคุณมาก ที่สละเวลาอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้
ขอให้มีสุขภาพที่ดี ร่างกายแข็งแรงกันทุกคนนะ
เอาไว้จะมาอัพเดทกันอีกที ตอนหุ่นมีกล้าม มีsix pack แบบชัดเจนนะ (จะทำได้ไหมน้อ 555)
ไว้เจอกันบทความหน้า ถ้าชอบ..อย่าลืมกดแชร์กันด้วยนะ
บายๆ =^^=