ซื้อมาเพราะแพคเกจน่ารักและสีสันสวยๆของเค้า แต่พอลองแล้วทำให้รู้ว่าเครื่องสำอางเกาหลีส่วนมากไม่ได้เกิดมาเพื่อสาว
ผิวสีเข้มแบบเราๆ ฮ่าๆๆๆ ไม่ใช่กำลังจะบอกเพื่อนๆว่าไม่ดีนะ อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปตัดสินใจไป แต่ก็นะเห็นนางแบบเค้าแต่งละสวย
เราก็เลยอยากลองมั่ง โหะๆๆ ถ้าใครที่กำลังจะซื้อครีมบรัชอันนี้ อ่านรีวิวของเราดูก่อนนะ เผื่อจะช่วยได้บ้าง…
รุ่นนี้จะมีทั้งหมด 4 สี แต่เราซื้อมาแค่ 2 สี คือ “no.1 pink / no.3 apricot
ความรู้สึกหลังจากได้ลองใช้
” Etude house water color blusher ” มาในรูปแบบหลอดบีบ เหมือนหลอดสีน้ำที่เราคุ้นเคย เป็นครีมบรัชที่เกลี่ยง่าย
เนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ เบาสบายผิว สีสวยน่ารัก เวลาปัดลงบนแก้มจะได้ลุคใสๆ บางๆ ตามอารมณ์สวยธรรมชาติ
ลุคเกาหลีนั่นแหละ แต่..ลำพังผิวเข้มแบบเราจะให้สีชัด สีขึ้น ต้องทาซ้ำอยู่ประมาณ 2-3 รอบถึงจะมีสัสันบนหน้า ดังนั้น
เราว่าครีมบรัชอันนี้ เหมาะกับ ผิวที่ขาวเหลือง ขาวอมชมพู เราว่าปัดแล้วจะดูมีสีชัด แก้มระเรื่อๆบนผิว ได้ลุคใสๆน่ารักดี
ความติดทน : สำหรับเรานะเป็นครีมบรัชที่ติดไม่ค่อยทน ทาไปไม่นานรู้สึกว่าสีหายกลืนไปกับผิวหน้า ไม่เห็นมีสีบนหน้าละ
แต่ถ้าใครชอบลุคใสๆ ธรรมชาติ น่าจะชอบบรัชแบบนี้เพราะจะให้สีที่ไม่จัดจ้าน ดูไม่เยอะประมาณนั้นนะ
ข้อดี
- เนื้อเกลี่ยง่าย บางเบา สบายผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
- สีไม่จัดจ้านเกินไป
- ได้ลุคธรรมชาติ
- หลอดบีบ ใช้สะดวก
ข้อเสีย
- สำหรับผิวเข้มต้องทาซ้ำหลายครั้ง สีถึงจะชัด
- ติดไม่ทน
ซื้อได้ที่ไหนบ้าง : Etude shop / ร้านใน internet
ราคา : 190฿ (ประมาณนี้)
ปริมาณ : 10 ml.
คะแนนความพึงพอใจของเรา
ผลิตภัณฑ์ : 6/10
เนื้อสีเข้มข้น : 7/10
บางเบา : 9/10
เกลี่ยง่าย : 8/10
ติดทน : 5/10
บรรจุภัณฑ์ : 7/10
ราคา : 6.5/10
ซื้อต่อไหม : ไม่แล้วอ่ะ
สรุป(point) : B
สภาพผิว โทนผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน รีวิวนี้เราเขียนขึ้นมาจากความคิดเห็นส่วนตัว เพื่อนๆไม่ต้องเชื่อเราหมดใจ
เราหวังว่ารีวิวของเราจะเป็นแนวทาง และมีประโยชน์ให้เพื่อนๆตัดสินใจง่ายขึ้น เราชอบ คุณอาจจะไม่ชอบแบบเราก็ได้
ดังนั้น ใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะจ้ะ ขอบคุณที่ติดตามจ้า
Disclaimer : The products I reviewed on this site , I purchased by my own money .
Licktga =v=